วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ยางรถยนต์ เรื่องสำคัญที่ต้องเอาใจใส่

ยางรถยนต์นั้นมีบทบาทอย่างมากกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ เพราะเป็นส่วนเดียวของรถยนต์ที่ต้องสัมผัสกับพื้นผิวถนน และยังเป็นส่วนสำคัญที่มีผลกับรถยนต์ในหลายๆด้านเช่น การควบคุม การเบรค และการวิ่งด้วยความเร็วสูง แล้วเราควรจะทำอย่างไรถึงจะแน่ใจได้ว่ายางรถยนต์ที่ใช้อยู่ หรือที่ติดมากับการซื้อรถยนต์มือสองนั้นอยู่ในสภาพที่ดีพอหรือไม่ การใช้เวลาตรวจเช็คยางรถยนต์เพียงเล็กน้อยเป็นประจำเป็นเรื่องง่าย และคุ้มค่ากับความปลอดภัยของครอบครัวคุณอย่างแน่นอน สัญญาณเตือนว่ายางรถยนต์เริ่มมีปัญหา การตรวจสภาพยางรถยนต์เป็นประจำก่อนการใช้ เป็นเรื่องที่ควรทำเป็นนิสัย และถ้าสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใดๆที่ตัวยาง ผู้ใช้รถยนต์ควรรีบไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหรือเปลี่ยนทันที สำหรับ ลักษณะของยางรถยนต์ที่ต้องระวังนั้นคือ ยางรถยนต์ที่มีรอยฉีกขาดที่แก้มยาง , ดอกยางสึกไม่เท่ากัน ซึ่งอาจเกิดจากการเติมลมยางไม่เหมาะสม ล้อรถยนต์ไม่ได้ศูนย์ หรือปัญหาจากระบบช่วงล่างอื่นๆ การดูว่ายางรถยนต์สึกหรอมากเกินไปหรือไม่นั้น สำหรับยางรถยนต์รุ่นใหม่ๆ นั้นส่วนมากจะมีจุดบอกค่าความสึกหรอของยางอยู่ระหว่างดอกยาง เป็นลักษณะสันยางเล็กนูนขวางตามร่องยาง ถ้าเห็นว่าดอกยางสึกจนอยู่ในระดับแนวเดียวกับสันยาง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์ชุดใหม่แล้ว เช่นเดียวกับอาการบวมที่แก้มยาง ให้สังเกตผิวที่นูนขึ้นมาผิดปกติหรือใช้มือลูบยางดู ลักษณะแบบนี้อาจทำให้ยางรถยนต์ระเบิดได้ ซึ่งควรรีบทำการเปลี่ยนยางรถยนต์เช่นกัน นอกจากนี้ให้ดูสภาพเนื้อยางประกอบด้วยว่ายังคงมีความยืดหยุ่นอยู่หรือเปล่า ยิ่งถ้าเราใช้งานยางรถยนต์มามากกว่า 2 ปีขึ้นไป และวิ่งด้วยระยะทางไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นกิโลเมตร ยางรถยนต์บางยี่ห้ออาจจะมีเนื้อแข็งจนทำให้ดอกยางสึกยาก และการดูที่ตัวบอกค่าความสึกหรอก็อาจใช้ไม่ได้ ควรพิจารณาเนื้อยางด้วยการใช้เหรียญกดหรือเล็บจิกทดสอบดูว่าเนื้อยางยุบตัวได้แค่ไหน ถ้ากดลงยากหรือตรวจพบรอยแตกงาตามเนื้อยางก็ควรเปลี่ยนเช่นกัน ปัญหาจากลมยางอ่อน จากการสำรวจพบว่า กว่าครึ่งหนึ่งที่วิ่งอยู่บนท้องถนน จะมีอย่างน้อยหนึ่งล้อที่ลมยางอ่อนกว่าที่เติมไว้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมันซึมออกที่ตัวยางรถเอง หรือ ตามขอบล้อ หรือวาล์วลมรั่ว ซึ่งเกิดขึ้นอย่างช้าๆ จนเราสังเกตไม่ออก อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แรงดันลมของยางอ่อนลงได้เหมือนกัน นอกจากนั้น ด้วยการที่แก้มยางจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่ออุณหภูมิต่ำลง ตัวยางเองก็จะมีข้อจำกัดสำหรับแรงดันลมที่เปลี่ยนไปเพื่อให้การขับขี่ยังคงความปลอดภัย การที่แรงดันลมหายไปแค่เพียง 4 psi ก็ส่งผลต่อการขับขี่รถยนต์ได้ เพราะ มันจะทำให้การควบคุมรถยนต์นั้นยากขึ้น ข้อแนะนำเรื่องลมยาง ในการตรวจสอบลมยางนั้น ผู้ใช้รถยนต์ควรอย่าตัดสินแรงดันลมมากน้อยด้วยสายตา เพราะยางสมัยใหม่จะดูเหมือนแบนโค้งหน่อยๆอยู่แล้ว ซึ่งบางคนก็เข้าใจว่าลมยางยังอ่อนเกินไป ทั้งๆที่จริงๆนั้นไม่ใช่ ทางที่ดีที่สุดคือให้ใช้เกจวัดลมยางทั้ง 4 ล้อ รวมถึงยางอะไหล่รถ (เกจวัดลมยางควรมีติดรถไว้) และเติมตามค่าที่ผู้ผลิตรถแนะนำไว้ ซึ่งจะระบุไว้ที่ซุ้มประตูด้านใน หรือจากในคู่มือรถยนต์ ส่วนยางอะไหล่รถยนต์ให้เติมไว้ที่ 60 psi และห้ามเติมตามค่าสูงสุดที่ระบุไว้ที่ตัวยางรถยนต์ ส่วนการเติมลมยางรถยนต์นั้นควรเติมในขณะที่อุณหภูมิของยางรถยนต์ยังเย็นอยู่ หรือเพิ่งขับออกจากบ้านไม่เกิน 3 กิโลเมตร ด้วยความเร็วต่ำ เพราะการเติมลมยางหลังจากใช้งานเสร็จใหม่ๆ อุณหภูมิข้างในจะร้อน ซึ่งยากต่อการเติมให้ได้ค่าที่เที่ยงตรง อย่างไรก็ตามการสึกหรอของยางรถยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของผู้ขับขี่เอง ตลอดจนการใช้ประเภทยางที่เหมาะสมด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น