วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประเภทรถยนต์

ประเภทรถยนต์

จำแนกประเภทรถยนต์ออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
(1) ประเภทรถยนต์นั่ง
หมายถึง รถยนต์ที่นั่งได้ไม่เกิน 7 คน  รวมทั้งคนขับ ได้แก่
  • รถเก๋ง
  • รถตรวจการเล็ก หรือรถแวนเล็ก
  • รถจิ๊ป  ช่วงสั้น
  • รถสามล้อเครื่อง
(2) ประเภทรถยนต์โดยสาร
หมายถึง รถยนต์ที่นั่งได้เกิน 7 คน  รวมทั้งคนขับ  ได้แก่
  • รถตู้โดยสาร
  • รถปิคอัพ หรือรถโดยสารที่นั่งสองแถว
  • รถเมล์โดยสาร
(3) ประเภทรถยนต์บรรทุก
หมายถึง รถยนต์ที่ใช้เพื่อการบรรทุก และขนส่งสินค้าชนิดต่างๆ  ได้แก่
  • ชนิดเก๋งทึบบรรทุก (แวน)
  • ชนิดกระบะไม้หรือเหล็ก  และมีหรือไม่มีหลังคา (ปิ๊กอัพหรือทรัค)
  • ชนิดถังเหล็ก (แท๊งก์)
(4) ประเภทรถยนต์ลากจูง
หมายถึง รถยนต์ที่ไม่มีกระบะสำหรับการบรรทุก และใช้ในการลากจูง
(5) ประเภทรถพ่วง
หมายถึง รถที่ไม่มีเครื่องยนต์ และใช้ในการบรรทุกคู่กับรถยนต์ลากจูง หรือใช้ในการบรรทุกคู่กับรถยนต์บรรทุก
(6) ประเภทรถจักรยานยนต์
หมายถึง รถสองล้อที่มีเครื่องยนต์  มีหรือไม่มีรถพ่วงก็ได้
(7) ประเภทรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ
หมายถึง รถยนต์นั่งได้ไม่เกิน 7 คน รวมทั้งคนขับซึ่งจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งรับจ้างสาธารณะ  ได้แก่ 
  • รถแท๊กซี่
  • รถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง
  • รถสามล้อแท็กซี่
(8) ประเภทรถยนต์เบ็ดเตล็ด
หมายถึง รถยนต์ที่ไม่จัดอยู่ใน 7 ประเภทรถยนต์ดังกล่าวข้างต้น  ได้แก่
  • รถยนต์ป้ายแดง
  • รถพยาบาล
  • รถดับเพลิง
                          ง)   รถใช้ในการเกษตร
  • รถใช้ในการก่อสร้าง
ฉ)   รถอื่นๆ

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การเลือกซื้อรถใหม่


การเลือกซื้อรถใหม่
- คำนึงถึงงบประมาณ  การประกัน  ประโยชน์ในการใช้งาน  เพื่อจะซื้อรถได้คุ้มค่าที่สุด
- ตรวจเช็คเกี่ยวกับข้อมูลการใช้น้ำมัน  เบี้ยประกันการบริหารอุปกรณ์อะไหล่  และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
- สำรวจยี่ห้อ  ราคา  แบบ  รุ่น  จากนิตยสารที่เกี่ยวกับรถแคตตาล็อกจากร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วไป  แล้วนำมาเปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ อย่าพึ่งด่วนสรุปตัดสินใจซื้อ
- เลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายใหญ่ ๆ  ที่น่าเชื่อถือ
- สำรวจพื้นที่ในการใช้สอยในรถ  อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
- ตกลงกับผู้ขายในเรื่องค่าโอนทะเบียนรถและอื่น ๆ ให้เป็นที่เรียบร้อยและพึงพอใจสำหรับตัวท่านเอง
- สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องได้ทดสอบขับเสียก่อน  อย่าตัดสินใจซื้อเมื่อไม่มีโอกาสได้ทดสอบขับ  เพราะหากมีอะไรไม่ถูกใจหรือไม่ชอบจะได้เปลี่ยนรุ่นหรือยี่ห้อได้
- ควรมีเพื่อนหรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับรถไปด้วย  เมื่อมีการดูรถควรถ่ายรูปรถของคุณไว้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นภายนอก  ภายในเครื่องยนต์  ทะเบียน  กันชน   ไฟหน้า  -  หลัง  รวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก  เช่น  แอร์  วิทยุเทปและอื่น ๆ  เพื่อเตรียมไว้ในกรณีที่ถูกเฉี่ยวชน  โดนขโมย

          ส่วนใหญ่ในการซื้อรถใหม่นั้นไม่ค่อยมะไรยุ่งยากมากเท่าใดเพราะรถจะถูกตรวจ สอบมาจากโรงงานและเป็นรถใหม่ที่ยังไม่เคยใช้  ประสิทธิภาพก็คงดีอยู่มาก  ยังไงแล้วเพื่อความแน่นอนควรตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อทุกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้อมูลคืนเงินรถยนต์ใหม่คันแรก

วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 วันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. ณ อาคารล้านช้าง มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 6/2555 จากนั้น นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจาสานักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายภักดีหาญส์ หิมะทองคา และนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจาสานักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรี สรุปสาระสาคัญได้ดังนี้ 6. เรื่อง ขยายเวลาการส่งมอบรถยนต์และยื่นเอกสารสาหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก คณะรัฐมนตรีอนุมัติการขยายเวลาการรับส่งมอบรถยนต์รวมถึงเอกสารหลักฐานของราชการออกไปสาหรับโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก โดยมีแนวทางการดาเนินงานตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดาเนินการ รวมทั้งให้กากับ ติดตาม ตรวจสอบ การดาเนินการให้ผู้ซื้อที่ระบุในใบจองรถยนต์ตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกและผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการอย่างเคร่งครัดต่อไป สาระสาคัญของเรื่อง 1. กรมสรรพสามิตได้ดาเนินโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการรถยนต์ใหม่คันแรก ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 เป็นระยะเวลากว่า 10 เดือน ซึ่งในช่วงแรกของโครงการฯ ประสบกับปัญหาอุทกภัยส่งผลกระทบต่อโรงงานผลิตรถยนต์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและอะไหล่บางแห่งหยุดดาเนินการประมาณ 3-6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อรถยนต์ตามโครงการเพิ่มสูงมาก โดยผู้ผลิตรถยนต์คาดว่าการผลิตรถยนต์ในปี 2555 จะสูงกว่า 2 ล้านคัน ซึ่งเป็นตัวเลขการผลิตสูงสุดใหม่ นอกจากนี้โครงการรถยนต์ใหม่คันแรกยังเป็นการสร้างการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์และเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ซื้อเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการผลิตรถยนต์ ECO-Car เข้าสู่ตลาดเป็นจานวนมาก เช่น ซูซูกิ Swift ฮอนด้า Brio นิสสัน Almera และมิตซูบิชิ Mirage ซึ่งอาจส่งผลให้ประเทศไทยมี Product Champion สาหรับอุตสาหกรรมรถยนต์อีกประเภท หลังจากที่กรมสรรพสามิตประสบความสาเร็จในการใช้มาตรการทางด้านภาษีส่งเสริมรถยนต์กระบะและรถยนต์นั่งที่มีกระบะให้เป็น Product Champion ของประเทศไทยไปแล้ว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 ถึงวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 มีจานวนผู้ยื่นขอใช้สิทธิฯ ตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกกับกรมสรรพสามิตแล้วประมาณ 93,833 ราย และจานวนเงินที่จะต้องจ่ายคืนประมาณ 6,823 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าความต้องการซื้อรถยนต์คันแรกจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง /2. จากการ… -2- 2. จากการสารวจข้อมูลเบื้องต้นจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์คาดว่าในปีนี้จะมียอดสั่งจองรถยนต์ที่ เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์รถยนต์ใหม่คันแรกประมาณ 425,000 คัน ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตเร่งการผลิตแล้ว ก็อาจจะไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ทันในวันที่สิ้นสุดโครงการ ฯ (วันที่ 31 ธันวาคม 2555) ส่งผลให้ผู้ที่ ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ ไม่สามารถรับรถยนต์ได้ทันภายในปีนี้ จึงไม่สามารถยื่นเอกสารหลักฐานได้ ทันตามกาหนดเวลาข้างต้น 3. เพื่อให้โครงการรถยนต์ใหม่คันแรกดาเนินไปได้อย่างราบรื่นอีกทั้งเพื่อชดเชยกับระยะเวลาที่ โรงงานผลิตรถยนต์และโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่หยุดดาเนินการเนื่องจากประสบอุทกภัย กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ควรขยายเวลาวันสิ้นสุดโครงการฯ แต่เห็นควรขยายเวลารับ และส่งมอบรถยนต์รวมถึงเอกสารหลักฐานบางรายการออกไป โดยมีแนวทางการดาเนินงาน ดังนี้ 3.1 ผู้ขอใช้สิทธิฯ ต้องทาการซื้อหรือจองรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 และ ต้องยื่นคาขอใช้สิทธิฯ และเอกสารประกอบการใช้สิทธิฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ดังนี้ (1) สาเนาบัตรประจาตัวประชาชน (2) สาเนาทะเบียนบ้าน (3) สาเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี) (4) สาเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิฯ (5) ใบจองรถยนต์ (ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555) 3.2 เนื่องจากในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ผู้ขอใช้สิทธิฯ อาจจะยังไม่ได้รับมอบรถยนต์ หรือจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกไม่ทันตามกาหนดเวลาส่งผลให้ไม่สามารถยื่นเอกสารหลักฐาน ต่าง ๆ ได้ภายในวันสิ้นสุดโครงการฯ (31 ธันวาคม 2555) จึงผ่อนผันให้ผู้ขอใช้สิทธิฯ นาเอกสาร หลักฐานเพิ่มเติมมายื่น ณ สานักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสานักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายใน ระยะเวลา 90 วันนับจากวันถัดจากวันรับมอบรถยนต์ ดังนี้ (1) หนังสือสัญญายินยอมสละสิทธิ์การโอนรถยนต์ใหม่คันแรก (2) สาเนาหลักฐานการซื้อขายรถยนต์ (2.1) กรณีการซื้อด้วยเงินสด ดังนี้ 1) สาเนาใบเสร็จรับเงินหรือสาเนาสัญญาซื้อขาย 2) สาเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์ (2.2) กรณีเช่าซื้อ ดังนี้ 1) สาเนาใบเสร็จรับเงิน 2) สาเนาเอกสารการรับมอบรถยนต์ 3) สาเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (3) สาเนาคู่มือจดทะเบียน /3.3 หาก… -3- 3.3 หากผู้ขอใช้สิทธิฯ ไม่ดาเนินการตามข้อ 3.1 และนาเอกสารเพิ่มเติมในข้อ 3.2 มายื่น ณ สานักงานสรรพสามิตพื้นที่หรือสานักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาภายในระยะเวลาที่กาหนด ให้ถือว่าผู้ขอใช้สิทธิ ฯ ไม่ประสงค์จะขอรับเงินคืนตามโครงการรถยนต์ใหม่คันแรกและจะเรียกร้องสิทธิฯ และค่าเสียหายใด ๆ กับทางราชการไม่ได้ อนึ่ง เพื่อให้นโยบายรัฐบาลในเรื่องรถยนต์ใหม่คันแรกประสบความสาเร็จตามเป้าหมายและให้เกิดความคล่องตัว ควรให้กรมสรรพสามิตสามารถกาหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีต่อไปได้ 3.4 ผู้ขอใช้สิทธิฯ จะได้รับเงินคืนหลังจากครอบครองรถยนต์ใหม่คันแรกไปแล้ว 1 ปี หากเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกาหนด ทั้งนี้ ชื่อผู้ซื้อที่ระบุในใบจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จะต้องเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิฯ ดังกล่าวเท่านั้น หากเป็นบุคคลอื่นจะไม่ได้รับสิทธิฯ เพื่อเป็นการป้องกันมิให้มีการซื้อ และขายใบจองรถยนต์

ประเภทของรถยนต์

 มารู้จักประเภทของรถยนต์กันค่ะ

รถยนต์เซลพลังงาน (ไฮโดรเจน)
(1) รถยนต์เซลพลังงาน(ไฮโดรเจน) ผลิตกระแสไฟฟ้าหลักเพื่อให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้าด้วยการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนและออกซิเจนจากอากาศ
(2) น้ำเป็นสิ่งเดียวที่รถชนิดนี้จะปล่อยออกมา
(3) จำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเฉพาะเพื่อเติมไฮโดรเจน

รถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบพลักอิน
(1) รถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดแบบพลักอิน คือรถยนต์ไฮบริดที่สามารถชาร์ทแบตเตอรี่ได้โดยการเสียบปลั๊กเข้าสู่แหล่ง กำเนิดไฟฟ้าธรรมดาเช่นเต้าเสียบติดกำแพง
(2) เนื่องจากรถชนิดนี้สามารถวิ่งโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ระยะทาง ไกลกว่า จึงสามารถแล่นได้โดยปราศจากน้ำมันเบนซิลในระยะสั้น ๆ
(3) เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฮบริดธรรมดาแล้วรถชนิดนี้จะกินน้ำมันน้อยกว่าและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาน้อยกว่า
(4) รถชนิดนี้สามารถชาร์ตแบตจนเต็มได้โดยเสียบเข้ากับเต้าไฟปกติโดยใช้เวลา ประมาณ 10 ชั่วโมงในการชาร์ทหรือชาร์ทกับที่ชาร์ทเฉพาะซึ่งจะใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีในการชาร์ท

รถยนต์ไฮบริด
(1) รถยนต์ไฮบริดขับเคลื่อนด้วยทั้งเครื่องยนต์ใช้น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้าผสมกันโดยใช้น้ำมันเบนซิลเป็นเชื้อเพลิง
(2) โดยจะใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าแยกกันแล้วแต่สถานการณ์ เช่นใช้เครื่องยนต์ตอนสตาร์ทรถและใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ควบคู่กันไปขณะ เร่งความเร็ว
(3) ส่วนแบตเตอรี่ก็สามารถชาร์ตใหม่ได้เมื่อมอเตอร์เปลี่ยนแรงเบรคเป็นกระแสไฟฟ้าในขณะขับ
(4) เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินแล้วรถยนต์ไฮบริดจะใช้เชื้อ เพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาน้อยกว่า

รถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
(1) รถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินใช้น้ำมันเบนซิลเป็นตัวขับเคลื่อน
(2) เครื่องยนต์ปั๊มลูกสูบด้วยการสูบส่วนผสมของน้ำมันเบนซิลและอากาศเข้าไปใน กระบอกสูบ อัดอากาศให้แน่นแล้วจุดระเบิด ให้เกิดการเผาไหม้แล้วจึงพ่นไอเสียออกมา
(3) รถยนต์ประเภทนี้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) ออกมามาก

รถยนต์ไฟฟ้า
(1) รถยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าในการให้พลังงานตนเอง
(2) เนื่องจากรถชนิดนี้ไม่ใช้เครื่องยนต์แบบใช้น้ำมันจึงไม่ปล่อยไอเสียหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาเลย
(3) รถชนิดนี้สามารถชาร์ตแบตจนเต็มได้โดยเสียบเข้ากับเต้าไฟที่มีอยู่โดยใช้เวลา ประมาณ 10 ชั่วโมงในการชาร์ทหรือชาร์ทกับที่ชาร์ทเฉพาะซึ่งจะใช้เวลาเพียง 15-20 นาทีในการชาร์ท

รถยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพ
(1) รถยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพขับเคลื่อนโดยใช้เชื้อเพลิงที่ผลิตจากน้ำมันที่ได้จากโรงงานหรือแอลกอฮอลล์เช่นเอทานอล
(2) เนื่องจากรถยนต์ชนิดนี้จะเผาไหม้คาร์บอนไดออกไซด์ที่พืชหรือแป้งดูดซับไว้ จากกระบวนการสังเคราะห์แสง กระบวนการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจึงไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)เพิ่ม ขึ้นเลย
(3) สิ่งที่รถชนิดนี้ปล่อยออกมาจะไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์(CO2)แต่จะมีไนโตรเจนออกไซด์(NOx)
(4) จำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบเฉพาะเพื่อเติมเชื้อเพลิงชีวภาพ

รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
(1) รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลใช้นำมันดีเซลเป็นตัวขับเคลื่อน
(2) เครื่องยนต์จะปั๊มลูกสูบด้วยการสูบเฉพาะอากาศเข้าไปในกระบอกสูบ อัดอากาศให้แน่น แล้วสร้างอุณหภูมิสูงขึ้นภายในห้องสันดาปแล้วจึงพ่นน้ำมันดีเซลออกมาเพื่อ จุดระเบิด
(3) เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซิลแล้ว เครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ออกมาน้อยกว่า แต่จะปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และอนุภาค (PM) ออกมามากกว่า


ขอบคุณ opinion world ค่ะ